เกร็ดความรู้

10 อันดับที่เราไม่รู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำ

  น้ำถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงชีพอยู่ได้ น้ำถือเป็นแหล่งกำเนิดสิ่งมีชีวิตต่างๆเป็นจำนวนมาก น้ำถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดอย่างหนึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และแน่นอนว่าเราเองก็อาจยังไม่รู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำ ซึ่งเรามาดูกันดีกว่าว่ามี 10 อันดับอะไรบ้าง 1.การดื่มน้ำหลังจากที่ออกกำลังกายหนักๆทำให้เสียสุขภาพน้ำดื่มที่บรรจุอยู่ในขวด หากเราดื่มน้ำเข้าไปหลังจากที่ออกกำลังกายมาหนักๆแล้ว ยิ่งทำให้เราเสียสุขภาพหนักขึ้นไปอีก เราจะต้องดื่มน้ำ 1 ชั่วโมงหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ให้ระบบร่างกายฟื้นฟูกลับมาทำงานเป็นปกติก่อน ไม่ใช่รีบซดน้ำหมดขวดเลย หรือหากเราหิวน้ำมากๆจริง ก็จะต้องค่อยๆจิบไปทีละนิด ทีละหน่อย แล้วก็ให้ร่างกายพักผ่อนก่อนแล้วก็ซดน้ำได้เต็มที่ 2.น้ำที่เราดื่มสร้างกำไรให้อย่างมากให้หลายบริษัทแน่นอนว่าพวกเราทุกๆคนที่ดื่มน้ำกันอยู่นี้ ก็มาจากบริษัทหลายแห่งด้วยกัน เราก็ลองสังเกตดูสิว่า ทางบริษัทหลายๆแห่งก็มีการรณรงค์ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพกันทั้งนั้น จนทุกวันนี้น้ำดื่มสามารถทำกำไรให้กับบริษัททุกๆแห่งได้อย่างต่อเนื่องเป็น ร้อยล้าน พันล้านทั่วทุกมุมโลกไปแล้ว ซึ่งปริมาณผู้คนที่ดื่มน้ำกันก็มีประมาณ 200 แสนล้านขวดเลยล่ะ 3.การดื่มน้ำที่ไม่ถูกต้องทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่วินิจฉัยได้ยาก สาเหตุโรคต่างๆที่เกิดจากการดื่มน้ำทางการแพทย์ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเอา มากๆ ที่ไม่ค่อยมีใครคิดว่าสาเหตุหลักๆจะเกิดมาจากการดื่มน้ำ ซึ่งบ่อยครั้งทางแพทย์มักจะคิดว่าเกิดมาจากสารเสพติดอะไรพวกนี้ซะมากกว่า 4.โรคสมองบวมการที่เราดื่มน้ำมากเกินไปก็อาจทำให้เราเกิดภาวะสมองบวมขึ้นมาได้ ซึ่งเกิดมาจากระบบการทำงานของไตล้มเหลวในการขับน้ำออกจากร่างกายเรา เลือดหล่อเลี้ยงในร่างกายน้อยและเกลือแร่ลดน้อยลง ส่งผลต่อเซลล์สมองและก็ทำให้สมองเราบวมเปล่งขึ้นมา ซึ่งทำให้เราหายใจตัดขัดและก็เสียชีวิตได้ 5.น้ำในอาหารก็ไม่ต่างจากน้ำดื่มที่เราดื่มกันน้ำที่อยู่ในอาหารต่างๆที่เรากินเข้าไปนั้น มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากน้ำที่เราดื่มกันมากนัก ที่มันก็ช่วยให้เรารับน้ำเข้าไปในร่างกายได้ด้วยเช่นกัน อาหารต่างๆเช่น ผักกาดหอม แตงกวา แตงโม บล็อกโคลี่ องุ่น แครอท แอบเปิ้ล มันมีน้ำอยู่ในตัวมันถึง 90 % ด้วยกัน 6.การดื่มน้ำไม่ได้ช่วยให้เราดูหล่อ […]

ออกกำลังกายไม่เบื่อ ถ้าชวนเพื่อนมาจอยกัน

ถ้าการออกกำลังกายไม่ใช่เรื่อง สนุกหรือเป็นยาขมสำหรับคุณ น่าจะลองชวนเพื่อนๆ มาออกกำลังด้วยกัน เพราะผลการศึกษาพบว่า ผู้คนจะรู้สึกสนุกกับกิจกรรมที่ต้องใช้แรงที่ได้ทำร่วมกับคนอื่นในพื้นที่สี เขียว การศึกษาครั้งนี้ของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย เลือกกลุ่มตัวอย่างมา 117 คน อายุระหว่าง 27-73 ปี และให้โทรศัพท์มือถือเล็กๆ ติดตัวไปด้วยทุกที่เป็นเวลา 4 วัน โดยผู้ศึกษาจะโทรศัพท์ไปสอบถามวันหนึ่ง 8 ครั้งด้วยกัน คำถามดังกล่าว ได้แก่ กำลังทำอะไรอยู่, อยู่กับใคร อยู่ที่ไหน และถ้าพวกเขาอยู่นอกบ้านก็ถามต่อไปว่า ในบริเวณนั้นมีสีเขียวของธรรมชาติมากน้อยเพียงใด ทั้งยังให้พวกเขาระบุว่าในขณะนั้นมีความสุขมากน้อยเพียงใด และสนุกกับกิจกรรมที่กำลังทำในระดับไหน ในจำนวนกลุ่มที่เลือกมามีอยู่ 84 คนที่อย่างน้อยใน 4 วันนั้นมี 1 วันที่ได้ทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง ซึ่งเขาบอกว่า เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและจะสนุกยิ่งขึ้นเมื่อเป็นกิจกรรมที่ทำกับคนรัก, เพื่อนๆ เพื่อนร่วมงาน แต่ถ้าเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวจะมีความสนุกน้อยลง นอกจากนี้ พวกเขาจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ออกกำลังกายกลางแจ้งในบริเวณที่มี ต้นไม้มาก อ.เจเนวีน ดันตัน สรุปการศึกษาครั้งนี้ว่า "มีแนวโน้มว่าผู้คนจะทำกิจกรรมนั้นต่อไป ถ้าเป็นกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่สีเขียว และทำร่วมกับคนอื่นมากกว่าที่จะทำคนเดียวที่บ้าน" แต่การศึกษาครั้งนี้ไม่ได้ถามเจาะจงว่ากิจกรรมที่พวกเขาทำเป็นประเภทใด ซึ่งเป็นได้ทั้งทำงานบ้าน, ปั่นจักรยานไปทำงาน […]

ค่า ESR คืออะไร ค่า CRP คืออะไร และ ESR กับ CRP ต่างกันอย่างไร

ขอขอบคุณรูปประกอบจาก  healthtap.com | Picture Credit From : healthtap.com ผู้ป่วยเอเอสแบบเรา หรือ ผู้ป่วยโรคข้ออื่นๆ ในกลุ่มข้ออักเสบ Arthritis ในการไปพบแพทย์ทุกครั้งจะมีการตรวจเฃือดเพื่อดูอาการเป็นระยะไป และในการตรวจเลือดแต่ละครั้งจะมีศัะท์เฉพาะเช่น ตรวจค่า ESR ตรวจค่า CRP วันนี้ผมขอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจ ESR และ CRP ค่า ESR คืออะไร ESR (Erythrocyte sedimentation rate) เมื่อมีการอักเสบในร่างกาย ตับจะเกิดปฏิกิริยาโดยการสร้างสารโปรตีนชนิดหนึ่งออกมาในเลือดมากขึ้น สารโปรตีนนี้จะมีผลทำให้เม็ดเลือดแดงเกิดการเกาะติดกันได้ง่าย หากเจาะเลือดของผู้ป่วยที่มีการอักเสบใส่หลอดที่มีสารป้องกันการแข็งตัว แล้วตั้งทิ้งไว้สักพัก ก็จะเห็นว่ามีการแยกชั้นของส่วนที่เป็นเลือดและส่วนที่เป็นน้ำเหลืองในเวลา ไม่นาน ทั้งนี้เพราะสารโปรตีนนี้จะทำให้เม็ดเลือดแดงเกิดเกาะติดกัน แล้วก็พากันไปตกตะกอนอยู่ที่ก้นหลอดนั่นเอง ค่าของ ESR ก็คือระยะทางเป็นมิลลิเมตรที่เม็ดเลือดแดงตกตะกอนลงมาอยู่ที่ก้นหลอดแก้วใน เวลา 1 ชั่วโมง ยิ่งค่าของ ESR สูงก็ยิ่งแสดงว่ามีการอักเสบมาก จากหลักการดังกล่าว ESR จึงใช้วัดสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในเลือด โดยเฉพาะ Plasma ซึ่งอาจจะมีสารบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้เลือดตกตะกอนเร็วขึ้น […]

แก้ปวดด้วยยา เสี่ยงปวดมากกว่าเดิม

การรับประทานยาแก้ปวดเมื่อมีอาการถือเป็นเรื่องปกติสามัญที่รับทราบกันดี แต่วิธีการนี้ก็ใช่ว่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีทุกครั้งเสมอไป โดย ศาสตราจารย์กิลเลียน เลิ่ง รองผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพและการดูแลรักษาเป็นเลิศแห่งอังกฤษ ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่า การรับประทานยาแก้ปวดทุกครั้งที่มีอาการอาจให้ผลในทางตรงกันข้าม พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ หากยิ่งปวดยิ่งกินก็จะทำให้ยิ่งปวดหนักปวดนานมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากเป็นเพียงแค่วิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ชั่วคราว ขณะเดียวกัน เพราะอาการปวดแต่ละอย่างมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การวินิจฉัยสาเหตุและรักษาที่ต้นตอ ย่อมถูกต้องและสำคัญกว่าเป็นไหนๆ เพื่อไม่ให้สาเหตุลุกลามบานปลายจนเกินเยียวยารักษา     ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/36376

ฟังเพลงเสริมหัวใจแข็งแรง

เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะต้องเคยรู้สึกว่า รู้สึกสบายใจเวลาที่นั่งฟังเพลงเฉยๆ การฟังเพลงไม่ได้มีดีอยู่แค่นั้น เมื่อนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิสในเซอร์เบีย ระบุว่า การฟังเพลงสามารถทำให้การทำงานของหัวใจแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจมีอาการดีขึ้นอีกด้วย เนื่องมาจากสมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา นอกจากนี้ ทีมผู้วิจัยยังบอกอีกว่า ยิ่งฟังเพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้อง จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะเนื้อเพลงอาจจะทำร้ายจิตใจของผู้ฟังได้ ไม่เพียงแต่จะช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจเท่านั้น เพราะศาสตราจารย์เดลจานิน ไอลิค ผู้ทำวิจัยบอกว่า เพลงจะทำให้คนที่มีสุขภาพแข็งแรงมีความสุขมากยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ที่แน่ๆ หากอยากให้หัวใจแข็งแรง 100% ต้องอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยแล้วกัน   ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/36489

กอด ข้อดีที่คุณอาจมองข้าม

นักจิตวิทยาด้านครอบครัวบำบัด เผยว่า การกอดส่งผลต่อการดำรงชีวิต และการเจริญเติบโต ในผู้สูงอายุ การกอดบ่อยๆ จะทำให้สุขภาพดี เวอร์จิเนีย ซาเทียร์ นักจิตวิทยาด้านครอบครัวบำบัด กล่าวว่า คน เราต้องการ การกอดวันละ 4 ครั้ง เพื่อการดำรงชีวิต คนเราต้องการ  การกอดวันละ 8 ครั้ง เพื่อการดำเนินชีวิต คนเราต้องการการกอดวันละ 12 ครั้ง เพื่อการเจริญเติบโต เติมความหวานให้น้ำต้มผัก ยิ่งโอบกอดกันบ่อยเท่าใด ความสุขในชีวิตสมรสก็จะยิ่งเพิ่มสูง กระตุ้นการทำงานของฮีโม โกลบิน ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อต่างๆ ทำงานได้อย่างทั่วถึง ช่วยให้เกิดความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ผู้สูงอายุที่ได้รับการกอดบ่อยๆ จะมีสุขภาพดี กระตือรือร้น และ มีความต้องการที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค ผ่อนคลายความเครียด  ลดความกดดัน ช่วยพัฒนาไอคิว อีคิว และทักษะทางภาษาให้แก่เด็กการกอดทำให้ความอยากอาหารลดลง เนื่องจากได้รับการเติมเต็มในเรื่องความเอาใจใส่ ยืดกล้ามเนื้อสำหรับคนที่เตี้ยให้สูงขึ้น เมื่อไปกอดคนที่สูงกว่า     ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/36538

ประเภทของอาการปวดหลัง

"อาการปวดหลัง" มักเกิดจากการอักเสบของข้อต่อ กล้ามเนื้อ หรือหมอนรองกระดูกที่หลัง กิจกรรมการออกกำลังกายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกของขึ้นลงซ้ำๆกันนานๆ การก้ม และบิดเอี้ยวจะทำให้อาการแย่ลง การวางท่าทางไม่ถูกยังสามารถทำให้เกิดอาการได้เช่นกัน ส่วนโรคปวดหลังที่พบได้น้อยมากอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาที่ร้ายแรงเช่นการติดเชื้อหรือปัญหาทางการแพทย์อื่นๆ : ประเภทของอาการปวดหลัง : 1. อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน อาการปวดหลังที่แสดงอาการปวดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่า แต่ไม่ได้ปวดร้าวลงไปตามแนวขาต่ำกว่าบริเวณเข่า เรียกว่า อาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน กล้ามเนื้อเอวตึงเคล็ดหรือปวดหลัง ส่งผลให้เกิดอาการปวดทรมาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการค่อยๆดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน หลังจากได้รับการรักษา 2. อาการปวดหลังร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน อาการปวดร้าวลงขาแบบเฉียบพลัน เป็นอาการประเภทหนึ่งของโรคปวดหลังซึ่งจะแสดงอาการปวดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 6 สัปดาห์หรือน้อยกว่าและยังปวดร้าวลงไปยังบริเวณสะโพกและขาบริเวณต่ำกว่าเข่าอีกด้วย บางทีเรียกว่าโรครากประสาทหรือการปวดเสียวแปล๊บร้าวไปยังขา ระยะเวลาที่อาการจะทุเลาจะกินเวลานานกว่าอาการปวดหลังแบบเฉียบพลัน และการกระทบกระเทือนของเส้นประสาทบริเวณหลังมักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงไปที่ขา 3. อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขา แบบเรื้อรัง อาการปวดหลังและปวดร้าวลงขาที่ไม่ดีขึ้นและกินระยะเวลานานกว่า 6 สัปดาห์ จัดเป็นอาการในกลุ่มโรคเรื้อรัง การรักษาเฉพาะทางถือเป็นสิ่งจำเป็น แพทย์ประจำตัวของคุณอาจจะแนะนำคุณไปยังแพทย์ผู้ที่ชำนาญเฉพาะทางด้านโรคที่เป็นต้นเหตุของปัญหาปวดหลังเรื้อรัง อาทิเช่น แพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์ด้านอาชีวเวชศาสตร์ ศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญการผ่าตัดกระดูกสันหลัง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมด้านกระดูกและข้อ : สัญญาณเตือน : […]

เล่นกีฬาข้อเท้าพลิกปวดกล้ามเนื้อ ใช้เจลร้อนหรือเจลเย็นดี

คำตอบคือ ไม่ควรใช้ทั้งเจลร้อนและเจลเย็น เวลาออกกำัลังแล้วเกิดการบาดเจ็บ สิ่งที่ต้องทำคือการลดการอักเสบด้วยการใช้อุณหภูมิเย็นๆ น้ำเย็น หรือน้ำแข็งมาประคบ เพื่อลดการอักเสบ ลดเลือดที่จะไหล ลดเซลล์อักเสบที่จะมาตรงนั้น การไปนวดการบีบที่จุดที่บาดเจ็บ ตรงนั้นๆจะอักเสบมากขึ้น การใช้เจลมานวดที่บาดเจ็บ ก็จะทำให้อาการแย่ลง แล้วทำไมคนชอบทา ในยาเจลร้อน มักใส่สารกลุ่ม methyl salicylate ซึ่งจะทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง เกิดความรู้สึกร้อนที่ผิวหนัง ซึ่งความรู้สึกร้อนจากการระคายเคือง จะหลอกเส้นประสาทให้ส่งสัญญาณความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บไปสมองลดลง สำหรับยาเจลเย็น ก็ใช้สารในกลุ่ม methyl salicylate เหมือนกัน แต่มีการผสมสารในกลุ่ม menthol ที่ทำให้เกิดความรู้สึกเย็นที่ผิวหนัง กลไกการแก้ปวดก็เหมือนกันคือหลอกเส้นประสาทที่ผิวหนังและทำให้การส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปสมองลดลง แล้วจะเอาเจลเย็นมาทาแทนการประคบเย็นได้หรือไม่ เจลเย็น ไม่ได้ลดอุณหภูมิ(เพราะเย็นจากการหลอกเส้นประสาท) แถมมี methyl salicylateซึ่งทำให้เลือดมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น เสี่ยงต่อการอักเสบมากขึ้น ดังนั้นเมื่อบาดเจ็บ ไม่ควรนวด ไม่ควรทาเจลร้อนหรือเจลเย็น (ไม่ควรทา และไม่ควรนวด) เอาน้ำเย็นประคบดีต่อการบาดเจ็บกว่า ยกเว้นเจ็บมาก ทาได้เพื่อบรรเทาปวด แต่ชั่งน้ำหนักกับผลเสียที่อาจจะมี(เล็กน้อย) จากการที่เลือดมาเลี้ยงผิวหนังในจุดที่บาดเจ็บมากขึ้น แต่สำหรับกรณีปวดเมื่อยทั่วๆไป จะทา จะนวด จะแปะ ก็ทำได้ครับ ช่วยลดปวดได้ จะร้อนจะเย็น […]

10 วิธี ที่คุณทำร้ายกระดูกสันหลังของคุณเอง

กระดูกสันหลังมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพ วันนี้เรามี 10 วิธีที่คุณอาจเคยทำและไม่รู้ว่ามันทำร้ายกระดูกสันหลังของคุณมาบอกกัน ลองดูนะคะ 1. การนั่งไขว่ห้าง จะทำให้น้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่ง เป็นผลให้กระดูกคด 2. การนั่งหลังงอ หลังค่อม เช่น การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ติดต่อกันนานๆ เป็นชั่วโมง จนทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดการคั่งของกรดแล็คติก มีอาการเมื่อยล้า ปวด และมีปัญหาเรื่องกระดูกผิดรูปตามมา 3. การนั่งกอดอก จะทำให้หลังช่วงบน สะบัก และหัวไหล่ถูกยืดยาวออก หลังช่วงบนค่อมและงุ้มไปด้านหน้า ทำให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้า มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้มืออ่อนแรงหรือชาได้ 4. การนั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น จะทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก เพราะเป็นฐานในการรับน้ำหนักตัว 5. การยืนพักขาลงน้ำหนักด้วยขาข้างเดียว การยืนที่ถูกต้อง ควรลงน้ำหนักที่ขาทั้ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยยืนให้ขากว้างเท่าสะโพก จึงจะทำให้เกิดความสมดุลของโครงสร้างร่างกาย 6. การยืนแอ่นพุง/หลังค่อม การยืนหลังตรง แขม่วท้องเล็กน้อยเพื่อเป็นการรักษาแนวกระดูกช่วงล่างไม่ให้แอ่น และทำให้ไม่ปวดหลัง 7. การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง จะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลัง 8. การยกของหนักแบบไม่ย่อเข่า […]

สารอาหารลดเครียด

วิตามินบี ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานจากสารอาหารให้กับสมองและระบบประสาทในขณะเครียด สมองต้องใช้พลังงานมากขึ้นทวีคูณ วิตามิน บี จึงถูกใช้หมดลงอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้สมองขาดพลังงานในการทำงาน ก่อให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น ในผู้ที่ขาดวิตามินบี ผู้อยู่ในภาวะเครียด จึงควรได้รับวิตามิน บี ปริมาณสูงเพียงพอเพื่อให้เปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงานแก่สมองได้ทันที อาหารที่มีวิตามินบีสูงได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ธัญพืช นม ไข่แดง ผักสีเขียว และถั่วชนิดต่างๆ น้ำมันปลา เป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-3 ซึ่งมีกรดไขมันจำเป็นอยู่ 2 ชนิดคือ EPA และ DHA มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยเฉพาะ DHA หากได้รับโอเมก้า-3 ไม่เพียงพอ จะทำให้มีอาหารซึมเศร้า ความจำและความสามารถในการเรียนรู้ลดลง ไอคิวต่ำ และอาจมีอาการทางจิต การวิจัยยังชี้ว่า โอเมก้า-3 สามารถลดความเครียดลงและทำให้อารมณ์เย็นลงได้ สำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงสมองเสริมความจำ เพื่อการทำงานของสมองและลดเครียด ควรได้รับน้ำมันปลาวันละ 1,000 มิลลิกรัม อาหารที่มีน้ำมันปลาสูง ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรลและปลาทู สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารที่ป้องกันไม่ให้เกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสารพิษต่อเซลล์ต่างๆ […]

1 2 3 4 5