เกร็ดความรู้

ยาปฏิชีวนะรักษาไม่ได้ทุกการอักเสบ

การอักเสบ เป็นผลจากการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอม หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อร่างกาย ก่อให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน และอาจมีไข้อาการคอแดง เจ็บคอหรือคออักเสบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ คือ 1.ติดเชื้อไวรัส (พบบ่อยที่สุด) 2.ติดเชื้อแบคทีเรีย (พบได้น้อยกว่าร้อยละ 20) 3.สาเหตุอื่นๆ เช่น ภูมิแพ้ การใช้เสียงมาก สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ดังนั้นถ้ามีคอแดง เจ็บคอ คออักเสบจากเชื้อไวรัส หรือจากสาเหตุอื่นๆ ก็ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะการอักเสบส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่ใช้รักษาอาการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่ได้รักษาอาการอักเสบจากเชื้อไวรัส เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือการอักเสบจากสาเหตุอื่นๆ ดังนั้นการเรียก “ยาปฏิชีวนะ” ว่า “ยาแก้อักเสบ” จึงไม่ถูกต้อง เพราะทำให้เข้าใจผิดว่า ทุกครั้งที่มีการอักเสบไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ก็ต้องใช้ยาปฏิชีวนะรักษาทั้งหมด ซึ่งอันตรายมาก เพราะอาการอักเสบที่เป็นอยู่ก็ไม่หาย แต่ยังเสี่ยงกับผลข้างเคียงของยา แพ้ยา และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น มาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านคงได้รับความรู้เรื่องยาปฏิชีวนะไปพอสมควร น่าจะทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อป่วยเป็นหวัดไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะก็หายป่วยได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพของตนเองล้วนเป็นเรื่องจำเป็นที่จะทำให้เรารอดพ้นจากการเจ็บป่วย ที่สำคัญและพึงระลึกไว้เสมอ คือ ต้องปรับพฤติกรรมตัวเองไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ดั่งคำที่ว่า […]

เตือนห้ามกินยาพาราเซตามอล ครั้งละ 2 เม็ด

คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล กำหนดรูปแบบฉลากยา 11 รายการ ให้เครือข่ายโรงพยาบาลกว่า 50 แห่ง นำไปปรับใช้กับระบบของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง โดยยกกรณีการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดของคนไทยมาเป็นตัวอย่าง และย้ำห้ามรับประทานยาชนิดนี้ครั้งละ 2 เม็ด กินยาพาราเซตามอลครั้งละ 2 เม็ด เมื่อมีอาการปวดหัวหรือเป็นไข้ เป็นความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่มนปัจจุบัน ที่เข้าใจว่าจะช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยได้ ซึ่งขัดกับหลักเกณฑ์การใช้ยาชนิดนี้ ที่กำหนดว่าห้ามรับประทานเกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาพาราเซตามอล 1 เม็ด เท่ากับ 500 มิลลิกรัม หากดูฉลากยาพาราเซตามอลข้างขวด ที่ระบุว่า รับประทานได้ครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4 ถึง 6 ชั่วโมง ซึ่งทำให้คนไทยกินยาชนิดนี้มากเกินไป คือสูงถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน คณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล จึงเห็นว่า ต้องกำหนดให้แพทย์สั่งจ่ายยาพาราเซตามอลกับผู้ป่วยเพศหญิง จำนวน 1 เม็ด รับประทานทุก 6 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยชายให้พิจารณาเป็นกรณีไป และให้เขียนกำกับบนฉลากยาด้วยว่า “ห้ามใช้ยาพาราเซตามอลเกินวันละ 8 […]

ปวดหลังป้องกันได้โดยปรับพฤติกรรม

ปัญหาเรื่องอาการปวดหลังนับว่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดอย่างหนึ่งในปัจจุบัน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดเนื่องมาจากกระบวนการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังและบริเวณข้อต่อของกระดูกสันหลัง ในวัยหนุ่มสาวหมอนรองกระดูกทำหน้าที่ในการลดแรงกระแทกระหว่างกระดูกสันหลังในแต่ละระดับ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นหมอนรองกระดูกจะเกิดการเสื่อม ปริมาณนํ้าที่อยู่ภายในหมอนรองกระดูกจะลดปริมาณลง ทำให้ความยืดหยุ่นและการทำงานของหมอนรองกระดูกไม่ดี ร่วมกับการเสื่อมของข้อต่อกระดูกสันหลัง ปัจจัยในเรื่องของนํ้าหนักร่างกายก็มีผลเป็นอย่างมาก ในคนที่มีนํ้าหนักมากจะทำให้ข้อต่อกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูกสันหลังรับนํ้าหนักมากกว่าปกติจึงมีผลทำให้อุบัติการณ์ในการปวดหลังเพิ่มมากขึ้นในผู้ที่มีนํ้าหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้เรื่องของพฤติ กรรมต่าง ๆ ของคนไทยทั้งในเรื่องของการนั่ง การนอน การทำงาน ก็จะมีผลโดยตรงกับอาการปวดหลัง วันนี้ผมก็อยากแนะนำวิธีการบางประการในการหลีกเลี่ยงความ เสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลัง พฤติกรรมที่ควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง และป้องกันอาการปวดหลังได้แก่ 1. การนั่ง ไม่ควรนั่งกับพื้น ทั้งในท่านั่งขัดสมาธิ คุกเข่า พับเพียบ เพราะการนั่งกับพื้นจะทำให้นํ้าหนักส่วนใหญ่ไปลงที่กระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอว ทำให้กระดูกหลังรับนํ้าหนักมากและทำให้ปวดหลังเพิ่มมากขึ้น หลีกเลี่ยงการนั่งเก้าอี้ตํ่า เพราะการนั่งเก้าอี้ตํ่า ๆ มีลักษณะคล้ายกับการนั่งพื้น จะทำให้มีอาการปวดมากขึ้น และควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงอย่างถูกวิธีคือนั่งให้ชิดขอบในของเก้าอี้โดยหลังไม่โก่งและให้หลังชิดพนักพิง ไม่ควรนั่งเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิงหลัง 2. การยกของ อย่าก้มลงยกของเพราะกล้ามเนื้อหลังจะเป็นส่วนออกแรง ทำให้เกิดอาการอักเสบ ฉีกขาดได้ โดยควรย่อเข่าลงนั่ง ยกของให้ชิดตัว แล้วลุกด้วยกำลังขา 3. การทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ การนั่งหลังโก่ง นั่งบิด ๆ นั่งก้มมองจอคอมพิวเตอร์ เพราะเป็นการเพิ่มแรงกระทำต่อกระดูกหลังมากที่สุด วิธีการนั่งใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง คือ ต้องนั่งหลังตรง วางเท้าให้ให้ราบไปกับพื้นทั้ง […]

สาเหตุของอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ??

ทำไมยกของแค่ลังนิดเดียว ทำไมจึง ปวดที่บริเวณหัวไหล่?หรือสะบัก ยกแขนไม่ค่อยขึ้น นั่งประชุมนานนิดเดียว ก้อหลังแข็ง ปวดหลังละ ขยับหรือเอี้ยวตัวไม่ได้ ขับรถแป้บเดียว ปวดเมื่อยต้นคอ คอแข็ง เอี้ยวคอไม่ได้ ปวดเมื่อยต้นแขน ปลายแขน ชาปลายนิ้วมือ หรือนิ้วเท้า เวียนศีรษะบ่อยๆ ปวดเมื่อยๆที่เอว ปวดหลังเมื่อยๆ หรือตึงๆ หลัง เดินนานๆ แล้วขาไม่มีแรง นั่งคุกเข่าไม่ได้ นั่งแล้วลุกไม่ขึ้น เข่าอ่อน มีเสียงดังในเข่า เวลางอหรือเหยียดเข่า ปวดเข่า ปวดข้อศอก ปวดนิ้วมือ ตอนเช้าๆ กำมือไม่ค่อยได้ นิ้วมืองอค้าง เหยียดออกไม่สะดวก ปวดหลังร้าวไปสะโพกเป็นบางครั้ง ฯลฯ ซึ่งสาเหตุของอาการปวดจริงๆ แล้วมีมากมายมากกว่า 100 สาเหตุ แบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆได้ดังนี้ เรามาเรียนรู้กันว่าทำไมเราจึงแก่ เอ้ย ทำไมเราจึงปวดและจะหาทางบรรเทาอย่าไร? ไม่ให้ปวดบ่อยๆ 1 “อิริยาบถและการใช้งาน” นั่นก็คือท่วงท่าการทำกิจวัตรประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น คนที่นั่งทำงานในลักษณะก้มคออยู่นานๆจะปวดคอ เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ที่ต้องนั่งก้มคอพิมพ์งานทั้งวัน ก็จะทำให้ปวดคอได้ หรือ “นอนตกหมอน” […]

ห้าม 5 ต้อง 5 กฏเหล็กพิชิตโรคร้ายทั้งปวง

ข้อห้ามปฏิบัติ 5 ข้อ1. ห้ามจินตนาการชิงลบเนื่องจากมนุษย์นั้นมีสมองสำหรับการคิด รวมถึงจิตใต้สำนึกที่เป็นตัวควบคุมพฤติกรรมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งการคิดในเชิงบวกหรือลบล้วนแล้วแต่มีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลนี้เมื่อเราจินตนาการเชิงลบหรือคิดลบจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น ความเครียด อารมณ์เสีย เป็นต้น 2. ห้ามอ้วนความอ้วนนั้นเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายต่างๆ ที่ตามมา คนสมัยก่อนใช้ชีวิตตามธรรมชาติ มีการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจึงไม่ค่อยมีคนอ้วนเช่นคนปัจจุบัน จึงทำให้ไม่ค่อยเป็นโรค 3. ห้ามรับประทานน้ำตาล ทั้งขนมและอาหารที่ใส่น้ำตาลความจริงอาหารที่เราได้จากธรรมชาติล้วนแล้วแต่มีทั้งแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งมีสัดส่วนน้ำตาลที่พอเหมาะกับร่างกาย ไม่จำเป็นต้องที่จะต้องเพิ่มน้ำตาลอีก ด้วยความเคยชินที่คนไทยชอบทานอาหารที่มีความหวานมากจึงทำให้ได้รับปริมาณที่มากเกินความจำเป็นจนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ 4. ห้ามรับประทาน Trans Fat หรือไขมันที่ผ่านความร้อนในขณะที่ไขมันผ่านความร้อนนั้น ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว จึงทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวและได้ดึงไขมันอิ่มตัวออกมา ไขมันอิ่มตัวนี้แหละที่เรียกว่า Trans Fat จะอยู่อาหารประเภททอด คนที่ทานอาหารประเภททอดมากๆ จึงมักจะเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด 5. ห้ามรับประทานอาหารที่ทำด้วยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจากการศึกษาโครงสร้างมนุษย์พบว่า เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งฟันของคนเรานั้นเป็นแบบตัดเหมาะแก่การบดเคี้ยวพืช จึงไม่ควรทานเนื้อสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ เพราะเนื้อของมันเหนียวเกินกว่าที่ฟันของคนเราจะบดเคี้ยวได้และใช้เวลาในการย่อยนานหลายวัน ด้วยลำไส้ของคนเราที่มีลักษณะยาวมาก เนื้อที่ทานเข้าไปจึงเน่าอยู่ในลำไส้ จึงทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและสารพิษขึ้น ข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ 1. การมีจินตนาการเชิงบวกตรงกันข้ามกับการจินตนาการเชิงลบ จะทำให้คนเรามีความสุข ร่างกายมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง เป็นไปตามที่เราคิดบวก […]

รีวิวแอพ MediSafe แอพช่วยเตือนการกินยา สำหรับคนขี้ลืม

สวัสดีชาวไทยเอเอสคลับ จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ เราต้องทานยาเกือบทุกวันบางทีเราอาจหลงลืม ทำให้ทานยาไม่ต่อเนื่องการรักษาไม่คืบหน้า วันนี้ผมเจอแอพพิเคชั่นตัวหนึ่งชื่อว่า MediSafe ที่สามารถตั้งเตือนเราให้ทานยาได้ด้วย และบันทึกสถิติต่างๆไว้ด้วย เพราะทุกวันนี้เป็นยุคของสมารท์โฟน เทคโนโลยีทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น การใช้งานแอพก็ไม่ยุ่งยากครับวันนี้ผมจะมารีวิวการใช้งานคร่าวๆครับ ตัวแอพรองรับทั้ง Android และ iOS รองรับทั้งใน แท็บเลตด้วย ไม่มีปัญหา อย่างแรกก็ ล็อกอินเข้าระบบก่อนครับจะล็อกอินด้วย Facebook หรือลงทะเบียนด้วยอีเมล์ก็ได้ นี่เป็นหน้าจอหลักๆครับ เราจะเพิ่มข้อมูลยา ก็กดปุ่มเครื่องหมายบวกตรงมุมซ้ายมือ ในหน้าจอซ้ายมือ ภาพแรกเป็นการเพิ่มข้อมูลยาครับ เราก็กรอกรายละเอียดลงไปเลย 1. Medicine Name คือ ชื่อยาครับ เช่นกรอก Methotrexate2. Reminder Times กำหนดเวลาลงไป เช่น 9.00 อะไรแบบนี้ลงไป3. Shape & Color ก็เลือกเลยครับเม็ดยาของเราเป็นรูปทรงแบบไหน สีอะไร ชนิดไหนมีให้เลือกโดยการเลื่อนซ้ายขวาจากนั้นกด Tap for more option4. Dosage กดเข้าไปคือกำหนดว่ายาของเราที่ทานไปมีขนาดกี่มิลลิกรัม (mg) ตัวอย่าง […]

ทานปลามีประโยชน์ช่วยป้องกัยโรคข้ออักเสบ

การรับประทานปลาเป็นประจำ จะสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะการทานปลามันๆ จะสามารถช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบได้อีกด้วย ส่วนปลาที่นำมารับประทาน ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล เพียงแค่ทานปลาเป็นประจำอาทิตย์ละครั้ง จะช่วยลดการเกิดโรคข้ออักเสบ เนื่องจากการทานปลาเป็นประจำ ร่างกายของเรายังจะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่าง โอเมก้า-3 เพราะสามารถช่วยปกป้องหัวใจและสมองให้มีสุขภาพดีอีกด้วย และที่สำคัญการทานปลายังสามารถช่วยต้านทานการอักเสบ และช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบได้อีกด้วยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว จึงมีวารสาร ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ โรคข้ออักเสบออกมาว่า การที่รับประทานปลาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ทานปลาให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ1 ครั้ง ร่างกายจะได้รับการป้องกันโรคได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งสามารถช่วยได้มาก แต่ถ้าหากว่าทานปลามันๆเข้ามาในร่างกาย ภายในหนึ่งอาทิตย์ โดยการทานเนื้อปลา 4 วัน ร่างกายจะได้รับการป้องกันได้ประมาณกึ่งหนึ่งเลยเชียวล่ะค่ะ เพราะร่างกายจะได้รับสารอาหารที่มาจากเนื้อปลาเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพร่างกาย การทานปลานอกจากจะดีต่อร่างกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าการทานอาหารเสริมเข้ามาในร่างกายจะสามารถช่วยได้หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปลานำมารับประทานเป็นอาหารเสริม แต่เพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อร่างกายจากการทานปลานั้น จึงควรทานปลาสดๆ แล้วนำมาประกอบอาหารเพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารมาช่วยดูแลบำรุงร่างกายจากการทานปลา   ขอบคุณที่มา : http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/general_knowledge/16561/

หินปูนเกาะกระดูก ไม่แก่ก็เป็นได้

คนวัยทำงานอาจจะยังไม่คุ้นกับ อาการมีหินปูนเกาะกระดูกเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่อาการนี้มักเกิดกับผู้สูงอายุ แต่หากคุณเป็นคนห่างเหินการออกกำลังกาย วันๆ เอาแต่นั่งนอนเฉย คุณอาจเป็นคนหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดหินปูนเกาะกระดูกได้ หินปูนเกาะกระดูกเกิดได้เมื่อร่างกายของเราเสื่อมสภาพ หรือเกิดความเสียหาย เช่น แตก หัก ซึ่งร่ายกายจะดึงแคลเซียมไปซ่อมแซมกระดูกส่วนที่เสื่อม จนอาจพอกพูนผิดธรรมชาติ ทำให้กระดูกบริเวณนั้นเสียรูปทรง ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า Bony Spur หรือ Osteophyte แปลว่า “กระดูกงอก” ซึ่งเกิดได้กับทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่กะโหลกศีรษะ กระดูกแขน ขา และข้อต่อต่างๆ เป็นต้น อาการกระดูกงอกจะอันตรายก็ต่อเมื่อ หินปูนที่เกาะนั้นไปเบียดบังเนื้อเยื่อหรือทับเส้นประสาทที่สำคัญ ทำให้คนที่เป็นมีอาการเจ็บปวด ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ลำบาก และหากปล่อยไว้นานอาการเจ็บปวดนั้นจะเรื้อรังและรักษาไม่หาย      เมื่อพบว่ามีอาการปวดกระดูกส่วนใดก็ตามให้สังเกตการงอก ปูด โปนของกระดูกส่วนนั้นๆ ร่วมด้วย และหากสงสัยควรรีบปรึกษาแพทย์ ซึ่งวิธีรักษาหินปูนเกาะกระดูก ทำได้ 3 วิธี คือ 1.ผ่าตัด 2.ให้ยาต้านการอักเสบ และ 3.กายภาพบำบัด โดยจะรักษาตามอาการ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์ผู้ทำการรักษา อย่างไรก็ตาม วิธีลดความเสี่ยงของอาการหินปูนเกาะกระดูก คือ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง และออกกำลังกายเป็นประจำ […]

น้ำมันตับปลา มีประโยชน์อย่างไร

หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินชื่อ “น้ำมันตับปลา” แล้วทราบหรือไม่ว่า การรับประทาน “น้ำมันตับปลา” ให้ประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย “น้ำมันตับปลา” คือน้ำมันที่สกัดมาจากตับปลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาทะเล อันได้แก่ “ปลาค็อด” จึงมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “cod liver oil” ตับปลาเป็นแหล่งสะสมของวิตามิน เอ และวิตามิน ดี ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ดังนั้น น้ำมันตับปลาจึงมีปริมาณวิตามิน เอ และวิตามินดี สูง แต่ทั้งนี้ ก็มีคำถามที่พบบ่อยก็คือ แล้วน้ำมันตับปลาต่างจากน้ำมันปลาทะเลอย่างไร น้ำมันตับปลาเป็นน้ำมันที่สกัดจากตับปลา โดยตับเป็นแหล่งสะสมของวิตามิน เอ และวิตามิน ดี ส่วน “น้ำมันปลาทะเล” หรือบางคนเรียกสั้น ๆ ว่า “น้ำมันปลา” หรือ “fish oil” นั้น สกัดมาจากปลาทะเล (ซึ่งได้จากส่วนหนัง เนื้อ หัว และหางปลาทะเล) ปลาที่ใช้สกัดมักเป็นปลาทะเลน้ำลึก น้ำมันปลาทะเลมีกรดไขมันหลายชนิด แต่กรดไขมันที่มีมากในน้ำมันปลาทะเลคือ กรดไขมันโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic […]

ข้ออักเสบ Arthritis กับอาหารเสริม

ใครที่เป็นข้ออักเสบส่วนใหญ่ อยากจะหาอาหารเริมมาทาน อยากจะรู้ว่าทานอาหารเสริมอะไรบ้างที่จะช่วยด้านนี้ได้ ส่วนตัวแอดมินเองนั้นคิดว่าจะทานก็ได้ไม่ทานก็ได้แค่เราทานอาหารที่มีประโยชน์ คือ ครบ 5 หมู่ก็เพียงพอ เคยคุยกับหมอเรื่องอาหารเสริมแล้วเหมือนกันครับ หมอส่ายหน้า แล้วพูดเหมือนข้างต้นแต่สำหรับท่านที่เป็นข้ออักเสบ และท่านต้องการจริงๆวันนี้เราหาข้อมูลคำแนะนำมาให้อ่านกันครับอย่างแรกเลยคือ มารู้จักก่อนข้ออักเสบคืออะไร ข้ออักเสบ (อังกฤษ: Arthritis) เป็นกลุ่มของภาวะที่เกิดการทำลายข้อต่อของร่างกาย ข้ออักเสบมีได้มากกว่าร้อยรูปแบบ โดยรูปแบบที่พบมากที่สุดคือข้อเสื่อม (osteoarthritis) ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บของข้อต่อ การติดเชื้อของข้อและอายุ ส่วนข้ออักเสบรูปแบบอื่นเช่นข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อสะเก็ดเงิน จากภาวะภูมิต้านตนเอง ข้ออักเสบติดเชื้อ โรคเกาต์ซึ่งเกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อและทำให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีการสะสมของผลึกแคลเซียมไพโรฟอสเฟตซึ่งเรียกว่าโรคเกาต์เทียม อาหารเสริม วิตามิน ที่เป็น Antioxidant ทั้งหลาย ได้แก่ วิตามิน เอ บี ซี ดี อาหารที่มี เบต้าเเคโรทีน แร่ธาตุ ดังต่อไปนี้คือ เหล็ก และ ซีเลเนียม ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบคุ้มกัน ทองแดง แมกานีส และสังกะสี ช่วยการทำงานของเอ็นไซม์ ชื่อ Superoxide Dismutase ช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่เกิดจากการข้ออักเสบรูมาดอด์ […]

1 2 3 5