ข่าวสุขภาพ

เดินกำจัดเครียด

ดร.อารอน มิเชลเฟลเดอร์ จากมหาวิทยาลัยโลโยลา สหรัฐอเมริกา เปิดเผยกลยุทธ์ขจัด "ความเครียด" ศัตรูตัวร้ายที่ใครๆ ก็พบเจอ ไม่พ้นแม้แต่เด็กๆ โดยเฉพาะวัยเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาว กับสารพัดเรื่องเครียด ทั้งการเรียน และความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ยิ่งเครียดก็ยิ่งเจอะเจอกับปัญหา เมื่อมีปัญหาก็เครียด และเสี่ยงเป็นสารพัดโรคร้ายในระบบสมอง ผู้เชี่ยวชาญแนะว่า วิธีกำจัดความ เครียดที่ดีที่สุด คือ "เดิน" เดินในสวนสาธารณะ หรือสวนหย่อม เพราะนอกจากจะได้ปลดปล่อยความอึดอัดทางอารมณ์ไปกับความสดชื่นของต้นไม้ใบ หญ้าแล้ว การเดินยังเป็นการออกกำลังกาย ทำให้ความดันโลหิต และการหลั่งฮอร์โมนเครียดลดลง ขณะที่ออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้น เราจึงเบาตัว โล่งใจ และอารมณ์ดีขึ้น มาได้ ส่วนใครที่ไม่มีเวลา หรือไม่มีสวนใกล้บ้าน ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ลองปิดอุปกรณ์สื่อสารไฮเทค และเลิกจดจ่ออยู่กับเฟซบุ๊กสัก 1-2 ชั่วโมง รับรองหายเครียดเหมือนกัน     ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ทำงานหนัก สู้ออกกำลังไม่ได้

การทำงานหนัก แบกยกของ  ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์เท่ากับการออกกำลังอย่างจริงจังใน 1 สัปดาห์ เป็นเวลารวมกันไม่ต่ำกว่า 4 ชม. ช่วยป้องกัน ไม่ให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากถึงร้อยละ 19 นักวิจัยรู้ผลของการเปรียบเทียบการออกกำลัง 2 ลักษณะ จากการทบทวนรายงานการศึกษาที่ได้ทำกันมา เกี่ยวพันกับผู้คนเกือบ 137,000 คน ทั้งยังได้พบว่า การทำงานแบบยกของหนักๆไม่ให้ประโยชน์มากเท่าใดเลย พอๆ กับผู้ที่ออกกำลังอย่างเล่นๆ หรือไม่ได้ทำอะไรเลย ดร.มาร์ธา ดาวิกลัส ศาสตราจารย์วิชาแพทย์ มหาวิทยาลัยอิลินนอยส์ กล่าวว่า “มัน แสดงให้เห็นว่า การทำงานหนักในการทำงานอาชีพ ไม่ได้ให้ประโยชน์ ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงอะไรเลย เขาอธิบายว่า เพราะเมื่อคนเราทำงานมันจะเกิดความเครียด แต่ในยามที่เราออกกำลัง เราจะลืมหมดทุกอย่าง” นักวิชาการได้พยายามระดมกำลังหาหนทางที่จะลดความเสี่ยงของการเป็นโรคความ ดันโลหิตสูงให้เหลือน้อยลง หลังจากที่มีการคาดหมายว่า จำนวนผู้ใหญ่ที่เป็นโรคนี้จะทะยานขึ้นสูงถึง 1.56 พันล้านคน ในปี พ.ศ.2568 หรือในอีก 12 ปีข้างหน้า     ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

รู้คุณ รู้โทษ กับ น้ำเต้าหู้ และ ปาท่องโก๋ หนึ่งในเมนูอาหารเช้ายอดนิยมของคนไทย

ปาท่องโก๋นั้น เป็นอาหารที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้คุณอ้วนได้ง่าย เพราะทานแล้วหิวเร็ว ส่วนน้ำเต้าหู้นั้น ถือเป็น “อาหารล้างบาป” ให้กับปาท่องโก๋ที่คุณทานเข้าไป เอ๋.. ยังไง มาดูกันค่ะ ถ้าคนเราทานปาท่องโก๋ วันละ 1 คู่ ทุกวัน ภายในเวลา 1 ปี น้ำหนักจะขึ้นเป็นกิโลกรัม เพราะปาท่องโก๋เป็นอาหารที่มีแป้ง แต่น้ำเต้าหู้ เป็นตัวล้างบาปที่ดี นี่คือภูมิปัญญาของคนไทย เพราะน้ำเต้าหู้มีสารอาหารที่ช่วยเรื่องสุขภาพ ทั้งโปรตีน (Protein), แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant), เปปไทด์ (Peptide) หรือถ้ายิ่งเป็นน้ำเต้าหู้ใส่ธัญพืช ก็จะมีไฟเบอร์ (Fiber) ที่ช่วยไล่ไขมันในปาท่องโก๋ได้ด้วยหละ อีกสิ่งที่ต้องระวังจากตัวปาท่องโก๋คือ อาจจะมีสารที่ก่อมะเร็งได้ นั่นคือกลุ่มของอะคริลาไมด์ (Acrylamide) ที่เกิดในพวกของทอด อาหารที่ต้องทอดด้วยน้ำมันชุ่มๆ และอาหารทอดซ้ำ ดังนั้นถ้าเราจะทานปาท่องโก๋ ก็ต้องพยายามเว้นวันบ้างนะคะ อย่าทานทุกวัน หรือถ้าจะทานปาท่องโก๋เมื่อไหร่ ควรจะทานน้ำเต้าหู้ที่มีธัญพืชเยอะๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำเต้าหู้ใส่ถั่วแดง, เม็ดแมงลัก, ข้าวบาร์เล่ย์ (Barley) ใส่ธัญพืชเหล่านี้เข้าไปสักหน่อย มันจะได้ช่วยไม่ให้แป้งในปาท่องโก๋ ดูดซึมเร็วเกินไป […]

ระวังอาหารที่ทำให้ขาดออกซิเจน Methemoglobinemia

Methemoglobinemia เป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานอาหารบางประเภทในขนาดที่สูงและก่อให้เกิดพิษต่อร่างกายมากเกินกว่าที่ร่างกายจะกำจัดได้ อาการที่เกิดจะรุนแรงตามระดับสาร พิษที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่อ่อนเพลีย มึนงง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นแรง หอบ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะ การหายใจถูกกด ชัก ช็อก ซึม หมดสติ และมีอาการเขียวอย่างรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ สารพิษที่เกิดขึ้นนั้นไปเปลี่ยนสภาพเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถปล่อยก๊าซออกซิเจนไปส่งตามเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกายได้ทั้งที่ภายในเลือดมีออกซิเจนอยู่ ดังนั้น หากรักษาไม่ถูกทาง ไม่ว่าจะพยายามให้ออกซิเจนไปมากเท่าไรก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กได้ การรักษาที่ถูกต้องต้องรีบลดสารพิษในร่างกายและให้ยาต้านพิษเฉพาะเพื่อเร่งการกำจัดสารพิษ หลังให้ยานี้เข้าทางเส้นเลือด เด็กจะมีอาการดีขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง อาหารที่ต้องระวัง คือ อาหารประเภทที่มีสารไนไตรท์ (ดินประสิว) ซึ่งเป็นสารที่ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร ทำให้สีของเนื้อสัตว์เป็นสีแดงชมพูสวยน่ารับประทาน เช่น ในไส้กรอก เบคอน แฮม แหนม กุนเชียง เนื้อเค็ม นอกจากนี้ยังใช้เป็นสารกันบูดในอาหารหลากหลายชนิด ผู้ปกครองควรแนะนำให้เด็กหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา เพราะนอกจากจะทำให้เด็กสะสมพิษร้ายในร่างกายจนอาจถึงแก่ชีวิตแล้ว สารดังกล่าวยังไปแปรเปลี่ยนสภาพร่างกายภายในก่อให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วยค่ะ ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข โดย […]

ยาแก้ปวด ‘ทามาดอล’ ใช้ผิดประเภทอันตรายถึงชีวิต

อย.เตือนยาแก้ปวด “ทามาดอล” คล้ายกลุ่มยาเสพติด ชี้พบการใช้ผิดประเภทบ่อย หากเด็กใช้อันตรายมาก เผยเคยพบรายงานเสียชีวิตในต่างประเทศ “อาการไม่พึงประสงค์ของยาดังกล่าว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เช่น จะทำให้กลืน หายใจลำบาก เห็นภาพคล้ายประสาทหลอน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เกิดอาการชักได้ เพราะยาจะมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง โดยในต่างประเทศเคยพบรายงานผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาผิดประเภท โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มักนำยาดังกล่าวไปใช้ร่วมกับยา หรือสารประเภทอื่นๆ หลายชนิดด้วยกัน โดยเฉพาะเด็กจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้มากกว่า เนื่องจากยาโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความรุนแรงการใช้จะต้องกะประมาณให้พอดีกับ น้ำหนักตัวของผู้ใช้ ส่วนใหญ่ยาที่ใช้กับเด็กจะถูกลดปริมาณลงตามน้ำหนักตัว การนำยาไปใช้ให้เกิดผลในทางที่ผิด จึงอันตรายมากกว่า” ภก.ประพนธ์ อางตระกูล ผอ.กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าว ยาดังกล่าวแม้ว่าจะเป็นยากลุ่มอันตรายที่มีฤทธิ์แรง แต่ก็มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่ต้องใช้ยา ดังนั้น อย.จึงได้มีมาตรการควบคุมและติดตามการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอความร่วมมือเภสัชกรให้เฝ้าระวัง และไม่ขายยาให้กับเด็ก หรือผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะนำยาไปใช้ผิดประเภทด้วย ทั้งนี้ การยกระดับการใช้ยาเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ออกประกาศฉบับเดียวก็สามารถยกระดับยาได้แล้ว แต่การตัดสินใจยกระดับหรือไม่ ต้องคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนโดยรวมทั้งประเทศ เพราะยาดังกล่าวถือเป็นยาจำเป็น และมีประโยชน์ต่อผู้ป่วย การทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ง่าย จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา การจะควบคุมอย่างไรจึงต้องคำนึงถึงความสมดุลเป็นหลัก ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

งดขายทรามาดอลให้เด็ก กันเอาไปใช้เป็นยาเสพติด

 อย.จำกัดปริมาณขายทรามาดอล ห้ามขายเด็ก และต้องรายงานอย่างละเอียด กันปัญหาเอาไปใช้เป็นยาเสพติด                นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อแก้ปัญหาการใช้ยาทรามาดอลผิดวัตถุประสงค์ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมร้านขายยา ชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย และผู้รับอนุญาต ผลิต นำเข้า เพื่อกำหนดมาตรการแนวทางในการปฏิบัติสำหรับผู้รับอนุญาต และเภสัชกรผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ ในการควบคุมยาที่มีความเสี่ยงสูง ว่า จากการทบทวนปริมาณการใช้ยาดังกล่าวพบว่ามีปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น จากปี 2553 มีการผลิตและนำเข้าอยู่ที่ 207 ล้านเม็ด เป็นปี 2554 มีปริมาณการผลิตและนำเข้า 231 ล้านเม็ด ซึ่งยาดังกล่าวถือเป็นยาจำเป็นที่ต้องใช้ในผู้ป่วยกลุ่มที่มีอาการปวดจากโรค ที่ไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดตามปกติได้ การจำกัดการใช้ยาถือเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในขั้นต้นที่ประชุมได้ข้อสรุป ว่า จะมีมาตรการควบคุมโดย จำกัดปริมาณการจำหน่าย จากผู้ผลิตไปยังร้านขายยาไม่เกิน 1,000 เม็ดต่อแห่งต่อเดือน และจำกัดการขายจากร้านขายยาไม่ควรจ่ายยาเกินครั้งละ 20 เม็ด และห้ามจำหน่ายยาทรามาดอลให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี หรือผู้ที่ไม่มีข้อบ่งใช้ทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการนำยาดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป         […]

ใช้โทรศัพท์มาก สุขภาพไม่แข็งแรง

นักวิทย์ฯ สหรัฐเผย ผู้ที่ใช้มือถือหนักอยู่ตลอดเวลา มีร่างกายที่ไม่แข็งแรงเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ใช้มือถือ เนื่องจากคนที่ใช้มากไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย นักวิทยาศาสตร์ คณะการศึกษาสาธารณสุขและบริการมนุษย์ ของมหาวิทยาลัยเคนส์ สเตทแห่งสหรัฐฯ พบว่าผู้ที่ตัวติดอยู่กับการใช้โทรศัพท์มือถือมาก จะด้อยความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายลงไป พวกเขาเห็นว่า โทรศัพท์มือถือซึ่งมีขนาดเล็กพกพาได้ น่าจะส่งเสริมการออกกำลังให้ง่ายขึ้น แต่จากการศึกษากับนักศึกษามหาวิทยาลัย 300 กว่าคน กลับได้ผลว่า ผู้ที่ใช้หนักกลับไม่ค่อยได้ออกกำลัง ผู้ที่พูดโทรศัพท์มากถึงวันละ 14 ชม. จะแข็งแรงสู้ผู้ที่ใช้โดยเฉพาะวันละไม่เกิน 90 นาทีไม่ได้ นักวิจัยผู้หนึ่งกล่าวว่า อาจจะวัดจากการใช้โทรศัพท์ รู้ถึงความแข็งแรงสมบูรณ์ของเจ้าของได้ โดยเฉพาะการล่อแหลมกับโรค เนื่องจากการขาดการออกกำลังกายนั่นเอง     ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ้วนทำลายกระดูก

วิจัยพบ ผู้ที่มีน้ำหนักเกินบางคนมีไขมันเข้าไปแทรกอยู่ในกระดูก เป็นเหตุให้กระดูกเปราะและบาง ขณะที่ในอดีตมีความคิดที่ว่าความอ้วนช่วยป้องกันกระดูก ซึ่งความจริงแล้วเป็นความคิดที่ผิด นักวิจัยของโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดของอเมริกา พบในการศึกษาว่า ไขมันของผู้ที่น้ำหนักเกินบางคนได้แทรกเข้าไปฝังอยู่ในกระดูก  เป็นเหตุให้กระดูกเปราะและบอบบาง พวกเขาได้ค้นพบจากการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ชายหญิงที่อ้วนแต่แข็งแรงจำนวน 106 คน นอกจากนั้นยังพบว่าในบางคน ไขมันยังได้ไปฝังอยู่ตามตับ กล้ามเนื้อ ไขกระดูก นอกจากแถวพุง สะโพกและต้นขาก่อนแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีรูปร่างรอบเอวใหญ่กว่ารอบสะโพก จะเสี่ยงต่อโรคมากกว่าเพื่อน ส่วนภัยของไขมันที่เข้าไปแย่งที่อยู่ของไขกระดูกนั้นก็นับว่าร้ายแรง ด้วยเหตุไขกระดูก ซึ่งเซลล์สร้างกระดูกใหม่ขึ้น เมื่อถูกโดนแย่งที่มากขึ้น ก็จะมีผลทำให้กระดูกอ่อนแอ “ถ้าหากไขสันหลังใครเต็มไปด้วยไขมัน มันก็คงจะไม่แข็งแรง” หัวหน้านักวิจัยกล่าวว่า “เคยพูดกันว่า ความอ้วนช่วยปกป้องกระดูกไม่ให้เสียความหนาแน่น แต่เราพบว่าไม่จริง เพราะพบว่าผู้ที่กระดูกเปราะบาง เป็นเพราะถูกไขมันแย่งที่ของไขกระดูกออกไปมากกว่า”     ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ผลวิจัยชี้ เดินหลังมื้ออาหารลดเสี่ยงเป็นเบาหวาน

ค่เพียงการออกกำลังกายแต่เพียง 15 นาทีหลังอาหารทุกมื้อ ก็ทำให้สุขภาพของเราดี ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานได้   นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน เปิดเผยว่า การเดินเพียง 15 นาทีหลังอาหาร 3 มื้อ มีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในผู้สูงอายุลดลง และการเดินระยะสั้น 15 นาที หลังอาหาร 3 มื้อ มีประสิทธิภาพพอๆ กันกับการเดินระยะยาว 45 นาที เพราะการเดินหลังอาหารจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลที่เกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อได้ โดยผลวิจัยดังกล่าว ทดสอบจากผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป 10 คน ทั้งนี้ นักวิจัยยังระบุด้วยว่า การลดน้ำหนัก และการออกกำลังกาย ต่างเป็นวีธีการที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ โดยโรคเบาหวานเกิดจากร่างกายผลิตสารอินซูลินไม่เพียงพอต่อระบบการทำงาน หรือเซลล์ในร่างกายของผู้ป่วยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารอินซูลิน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายต่อการลดความเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน เนื่องจากปัจจุบันมีชาวอังกฤษเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานสูงถึง 7 ล้านคน โดยยังคงต้องมีการศึกษาวิจัยในกลุ่มตัวอย่างที่มากกว่านี้เพื่อความแม่นยำ และนำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต่อไป   […]

สูบบุหรี่ : สูญชีวิต สูญเงิน

1 ใน 5  ของวัยรุ่นทั่วโลก ติดบุหรี่ 7 นาที  สูบบุหรี่ 1 มวน อายุสั้นลง 7 นาที 8 หมื่น – 1 แสน ทั่วโลกมีวัยรุ่นใหม่ติดบุหรี่ ติดบุหรี่วันละ 8 หมื่น ถึง 1 แสนคน 10 ชนิด บุหรี่ เป็นสาเหตุของมะเร็งในมนุษย์ 10 ชนิด 10 – 12 ปี อายุขัยเฉลี่ยของผู้สูบบุหรี่เป็นประจำ จะสั้นลง 10 – 12 ปี 13 ล้านคน คนไทยทั่วประเทศ สูบบุหรี่ประมาณ 13 ล้านคน 70 ล้านคน ควันบุหรี่ประกอบด้วยสารก่อมะเร็งมากกว่า 70 ชนิด 15,000 บาท ถ้าไม่ซื้อบุหรี่ แต่ละคนจะมีเงินเพิ่ม 15,000 บาทต่อปี ครึ่งหนึ่งของคนที่สูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง จะเสียชีวิตด้วยโรคจากการสูบบุหรี่ โดยเฉลี่ยคน […]

1 2 3 4